Posted by พี่ฟ้าใส น้องไออุ่น on April 27, 2011 at 1:30pm
บล็อคนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของตัวเองที่เป็นสมาชิกหมู่บ้านนี้มาเป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน และได้เริ่มสอนภาษาที่ 2 ให้ลูกตอนอายุ 3 ขวบพอดี นำมาแบ่งปัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ครอบครัวอื่นๆ ที่เพิ่งเริ่มใหม่ หรือติดปัญหาต่างๆ ค่ะ
ขอออกตัวก่อนนะคะว่าอ้อเองก็ยังไม่ได้เก่งมากมาย ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ลูกของเราเป็นเด็ก 2 ภาษาได้ และพ่อแม่เองก็มีความสุขที่ได้สอนลูกด้วยตัวเอง
- สำรวจตัวเราก่อนค่ะว่าความสามารถในการพูดภาษาที่ 2 ซึ่งในที่นี่หมายถึงภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับใด แย่ พอใช้ ดี หรือดีมาก ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดไม่ต้องกังวลค่ะ เมื่อรู้แล้วก็ต้องพัฒนาตนเอง เริ่มจากตัวผู้สอนก่อนค่ะ
- เลือกระบบในการสอน ไม่ว่าจะเป็น 1 คน 1 ภาษา หรือ 1 เวลา 1 ภาษา เลือกให้เหมาะกับตัวเอง
- ท่องศัพท์ เตรียมประโยคพื้นฐานที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าคำไหน ประโยคไหนไม่รู้ เข้ามาค้นคำได้ที่ห้อง English Club มีให้เราศึกษามากมายค่ะ มากจนบางคนตั้งคำถามว่า แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนดี ง่ายๆ ค่ะ เอาที่ต้องใช้ก่อน ไม่ต้องท่องทั้งหมด
- นำคำศัพท์ต่างๆ ไปสอนและพูดกับลูก แนะนำว่าเริ่มจากคำสั้นๆ ง่ายๆ ก่อนค่ะ เช่น cat rat dog tree snack table hand foot shoe ฯลฯ ออกเสียงทุกคำให้ชัดแบบฝรั่ง มีคำท้ายทุกคำ เข้าไปเช็คการออกเสียงได้ที่ www.thefreedictionary.com ค่ะ และไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยให้นะคะ ข้อนี้คือกฎเหล็กที่คุณบิ๊กย้ำนักย้ำหนา ถ้าเรามัวแต่แปลให้ ลูกเราจะไม่สามารถเป็นเด็ก 2 ภาษาที่สมบูรณ์ได้ เหมือนเวลาเราดูหนัง soundtrack แล้วมีคำบรรยายเป็นภาษาไทย เราจะไม่ฟังว่าเค้าพูดว่าอะไร และตั้งหน้าตั้งตาอ่านลูกเดียวค่ะ
- สอนวลีต่างๆ เช่น stand up, sit down, brush your teeth, wash your face, give me some fruits. ฯลฯ
- เมื่อลูกเข้าใจคำศัพท์และประโยคสั้นๆ แล้ว ค่อยๆ เพิ่มปริมาณ มากขึ้น ยากขึ้นตามลำดับ พูดทุกวันนะคะ มากน้อยตามความเหมาะสม ให้ลูกได้มีโอกาสตอบโต้ด้วย ตอบ Yes, No ก็ยังดี ต้องต่อเนื่องนะคะ ถ้าหยุดไป เราเองก็จะขี้เกียจ พอมี 1 วัน มันก็มี 2 3 4 แล้วก็ขี้เกียจไปเรื่อยๆ สุดท้ายลูกเราก็อดเป็นเด็ก 2 ภาษาค่ะ ลองคิดดูค่ะ เราพูดภาษาไทยวันละกี่ชั่วโมง ถ้าอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ ก็ต้องพูดให้มากเท่าๆ กับภาษาไทย
- ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องเร่งนะคะ เหมือนเวลาที่เด็กหัดเดิน ก่อนจะเดินต้องคลานก่อน แล้วก่อนจะคลานได้ต้องหัดคว่ำ การเรียนภาษาก็ไม่ต่างกันค่ะ ข้ามขั้นไม่ได้ เดี๋ยวจะล้ม ใจเย็นๆ ค่ะ ทำอย่างมีความสุข ไม่ยัดเยียด ถ้าลูกไม่พร้อมวันนี้ เวลานี้ หยุดก่อน แล้วเริ่มใหม่ได้ทุกวัน
- ในกรณีที่สอนลูกตอนโต พูดไทยชัดแจ๋ว แล้วลูกถามอยู่ตลอดว่าคำนี้แปลว่าอะไร ขอให้เรายืนยันวิธีของเราค่ะ เราต้องไม่แปล ปล่อยไป ถ้าเราสอนเค้าอย่างต่อเนื่อง วันนึงเค้าจะรู้เองค่ะว่าคำนี้ในภาษาไทยแปลว่าอะไร
- ถ้าลูกพูดไม่ได้ เราต้องไม่ดุลูกนะคะ อย่าให้เค้ารู้สึกแย่กับภาษาที่ 2 เค้าอาจจะไม่พร้อมตอนนี้ ให้รอเวลาสักหน่อย หรือถ้าลูกทำได้ดี เราต้องชมมากๆ ให้กำลังใจลูกเสมอ อาจจะมีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้ ซื้อหนังสือน่ารักๆ ให้สักเล่ม หรืออะไรก็ได้ที่ลูกชอบ สร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน ไม่กดดัน การเรียนวิชานี้ไม่มีการสอบตกค่ะ จะช้าหรือเร็วก็ถึงจุดหมายได้เหมือนกัน
- เมื่อลองปฏิบัติไปได้สักพัก ลองแต่งประโยคมาให้สมาชิกช่วยตรวจในห้องภาษาอังกฤษ หรือเอาคลิปของลูกมาลง จะได้ช่วยกันวิจารณ์ เรียนคนเดียว ทำคนเดียวจะขาดพลังค่ะ
- ไม่ต้องไปแคร์สังคมให้มาก ใครหาว่ากระแดะ พูดแล้วคนมอง คนนินทาก็ช่าง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ต้องพูดกับลูกเป็นภาษาอังกฤษค่ะ มากน้อยไม่ว่ากัน เอาเท่าที่เราทำได้ ให้ลูกชินกับการใช้ภาษาที่ 2 นอกบ้านด้วย ให้คิดแค่ว่าเราทำเพื่อลูก
- เหนื่อย เครียด ท้อแท้ เข้ามาระบายให้เพื่อนๆ ฟังได้ค่ะ จะได้ช่วยกันคิดหาวิธีแก้ หรือเป็นกำลังใจให้กัน
บางครอบครัวใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือน บางครอบครัวใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้นในการสร้างเด็ก 2 ภาษา ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ พื้นฐานความรู้ของพ่อแม่ เวลา ความอดทน อุปสรรครอบข้าง
แต่ไม่มีสิ่งไหนที่อยู่เหนือความมุ่งมั่นและพยายามของเราหรอกค่ะ คิดไว้เสมอว่าเราต้องทำได้ มีพ่อแม่บางคนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ หรือเคยเรียนเมืองนอก แต่ไม่สามารถสอนภาษาที่ 2 ให้ลูกได้ เพราะไม่มีความอดทนมากพอ แล้วเราล่ะ จะสู้เพื่อลูก อดทนเพื่อลูกได้มั้ย คำตอบอยู่ในใจของพวกเราทุกคนอยู่แล้วค่ะ
คลิปนี้ สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ค่ะ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม