ถ้าคุณรู้สึกเหมือนกับคำถามในหัวข้อนี้ ผมอยากจะเล่าเหตุการณ์เมื่อปี 2005 ตอนที่ผมเริ่มพูดภาษาอังกฤษกับลูกใหม่ๆ
ทุกครั้งที่ออกไปนอกบ้านแล้วพูดภาษาอังกฤษ ก็จะมีสายตามาจับจ้อง ผมรู้สึกได้ทันทีถึงแม้ไม่ได้มองกลับก็ตาม เสียงตอบรับในการสร้างเด็กสองภาษาของผมนั้นไม่ได้เป็นด้านบวก ผู้ใหญ่ในครอบครัวก็มองว่ายัดเยียด เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันก็บอกว่าดัดจริต คนในสังคมก็มองด้วยสายตาแปลกๆ…มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจและให้กำลังใจ
พ่อแม่หลายคนถามผมว่าผ่านตรงนั้นมาได้อย่างไร…ผมก็ตอบว่าตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกอายและใส่ใจกับเสียงรอบข้างมากนัก เพราะผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังสอนภาษาที่สองให้กับลูกบนวิถีธรรมชาติ พยายามใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตธรรมดา ไม่มีการสอบ ไม่ต้องติว ไม่ต้องท่องศัพท์ ไม่ต้องอ่านไวยากรณ์เล่มหนา ผมยังนึกไม่ออกว่ายัดเยียดตรงไหน และท้ายที่สุดสิ่งที่เราสอนไปก็ได้กลับมาอย่างคุ้มค่า และมีความสุขเมื่อเห็นพัฒนาการของลูก และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เขารับรู้การพูดภาษาที่สองจากความรู้สึก โดยที่เขาไม่รู้ตัว
ดังนั้นท่านที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างดีแล้ว เห็นว่ามันเป็นเรื่องเป็นการสร้างทุนปัญญาให้กับลูกเรา ผมแนะนำให้ทำโดยไม่ต้องไปสนใจกับสายตาภายนอกมากนัก พัฒนาตัวเองตลอดเวลา เมื่อวันที่ผลผลิตผลิดอกออกมาเราจะชื่นใจและยิ้มอย่างมีความสุข
ว่าไปแล้วในการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา ณ ตอนนี้ถึงแม้ว่ายังคงเป็นเรื่องแปลกอยู่ แต่ก็น้อยลงกว่าแต่ก่อนเยอะแล้ว ปัจจุบันเราจะเห็นพ่อแม่ที่พูดภาษาอังกฤษกับลูกจนชินตา ผมเชื่อว่าอีกไม่นานการทำอย่างนี้ก็จะเป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่จำนวนมากเขาทำกันครับ…ผมขอเป็นกำลังใจให้กับพ่อแม่ทุกคนที่เริ่มสอนเด็กสองภาษาครับ