ก้าวเล็กๆ ของเด็ก 3 ขวบ

Posted by พี่ฟ้าใส น้องไออุ่น on April 29, 2010 at 9:46am

ก่อนแม่จะตัดสินใจมีหนู แม่ได้สูญเสียหลานสาวอายุ 1 ขวบไป

หลานคนนี้เป็นทาลัสซีเมียเพราะทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะแต่ไม่รู้ตัว จึงปล่อยให้มีเจ้าตัวเล็ก

พออายุได้ 3 เดือน เจ้าตัวเล็กก็ป่วย ตั้งแต่นั้นมาพัฒนาการก็ถดถอย ไม่ยิ้ม ไม่ขยับตัว

นอนนิ่งๆ จนอายุประมาณ 1 ขวบก็จากไป

จากเหตุการณ์นี้ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกกลัว จึงเตรียมตัวอย่างดีที่สุด

เราไปตรวจร่างกายก่อนมีหนู

แม่ออกกำลังกายด้วยการตื่นขึ้นมาปั่นจักรยานตอนเช้าๆ ในวันหยุดประมาณ 5 กิโลเมตรอยู่ 2-3 เดือน

จนคิดว่าร่างกายแม่แข็งแรงพอ แม่จึงตัดสินใจมีหนู

ตั้งแต่ท้อง แม่แข็งแรงดีมาก แม่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ท้องใหญ่ไม่เบา

หมอบอกว่าหนูตัวโตกว่าอายุครรภ์ หมอสงสัยว่าแม่จำวันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายผิดรึเปล่า

แต่แม่มั่นใจว่าแม่จำไม่ผิดแน่ๆ

แม่ทำงานบ้านทุกอย่างเหมือนคนปกติ ทำกับข้าว รีดผ้า ซักผ้า

แอบน้อยใจที่พ่อไม่ช่วยแม่เลย แต่พ่อบอกว่าอยากให้แม่และลูกแข็งแรง จึงปล่อยให้ใช้ชีวิตตามปกติ

แม่อุ้มท้องหนูจน 9 เดือนเต็ม

ถึงแม่จะตัวเล็ก แต่แม่ก็อยากจะคลอดหนูเอง อยากรู้ว่าความเจ็บปวดที่ใครๆ เค้าว่ากันมันเป็นยังไง

และแล้วแม่ก็ได้รู้จังๆ แม่เจ็บท้องอยู่ 11 ชั่วโมง เจ็บที่สุดในชีวิต

แต่แม่รู้ว่าแม่ทำได้ แม่จะคลอดเอง จนสุดท้ายแม่ก็ได้เห็นหน้าหนูซะที

วินาทีแรกที่เราได้เจอกัน แม่ลืมความเจ็บปวดทุกสิ่งทุกอย่าง

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่แม่รักที่สุด รักเท่าชีวิต

หนูได้กินนมแม่อยู่จนถึง 2 ขวบ 2 เดือน ถึงแม่จะเหนื่อยเพราะต้องตื่นกลางดึกมาให้นม

แม่ก็ยอม เพราะแม่อยากให้หนูแข็งแรง

ฟ้าใสเป็นเด็กที่แข็งแรงมาก ไม่เคยป่วยหนัก ไม่เคยต้องนอนโรงพยาบาล

นี่คืออาณุภาพของนมแม่อันแสนวิเศษ

3 เดือนที่แล้วแม่ได้รู้จักกับหนังสือ “เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้”

นั่นคือก้าวแรกก้าวใหม่ของเรา แม่ตั้งใจว่าแม่จะสอนภาษาอังกฤษให้หนูเอง

แม่ใช้เวลาตอนพักเที่ยงในการเข้า web เพื่อสะสมคลังศัพท์ และนำไปพูดกับหนูที่บ้านในแต่ละวัน

สะสมคำศัพท์ได้วันละประมาณ 1 หน้ากระดาษ

แม่รู้ว่าแม่ไม่ใช่คนเก่ง บางวันแม่ก็นึกไม่ออกว่าจะพูดกับหนูว่าอะไร

บางวันแม่ก็ขี้เกียจ เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง

และแล้ว…28 เมษา 2553 วันที่เราเดินทางมาครบ 3 เดือนเต็ม

แม่ก็ได้ยินประโยคที่วิเศษที่สุดจากปากของหนู เวลานั้นหนูคงหิวน้ำ เลยพูดออกมาว่า

“I want some water”

สำหรับคนทั่วไป มันก็คงเป็นแค่ประโยคหนึ่งที่ไม่สำคัญ

แต่สำหรับแม่ นี่คือรางวัลจากหนู รางวัลสำหรับความทุ่มเทที่แม่ได้พยายามมาตลอด 3 เดือนเต็ม

และแล้ว หนูก็พูดออกมาโดยที่แม่ไม่ได้ชี้นำ

เป็นความเต็มใจของหนูเอง

ต่อไปนี้แม่จะทุ่มเทให้มากขึ้น

แม่เชื่อแล้วจ้ะว่าเด็กโตอย่างหนูก็สอนกันได้

ขอบคุณทุกๆ คนในเว็บที่มาแบ่งปันประสบการณ์

ขอบคุณสำหรับกำลังใจในวันที่ไฟอ่อน

ขอบคุณบรรดาครูทั้งหลายที่มาช่วยตอบคำถามที่ข้องใจ

ขอบคุณมากค่ะ