Posted by Prim & Poom on February 23, 2010 at 12:00am
ได้ฤกษ์เขียนบล็อกทวนความจำของตัวเองบ้างแล้ว หลังจากที่จดๆจ้องๆมาสองสามครั้งแต่ยังไม่มีเวลารวบรวมมาเขียนซักที
ยังจำวันแรกๆได้เลยว่า เริ่มกันแบบไม่ค่อยมั่นใจมากนัก จะทำได้มั๊ยน๊อ เราจะเริ่มกันยังไงดี ใครจะเป็นคนสอนดีนะ มันจะยากแค่ไหนหนา โอ๊ยคำถามเกิดขึ้นสารพัด แต่เราก็ตัดสินใจเริ่มได้ในเวลาไม่เกินสัปดาห์ เริ่มด้วยการอ่านหนังสือจบก็ คลำๆทางเอาจากหนังสือของคุณบิ๊ก แล้วก็คลำๆเอาจากเว้ปสองภาษา และที่สำคัญได้คำแนะนำดีๆจากคุณก๊อก เพื่อนผู้เดินล่วงหน้ามาก่อนนั่นเอง
เกริ่นนิดนึงค่ะ เราเริ่มสอนสองภาษากันตอนลูกสาวคนโตน้องพริมอายุ 5.2 ปี และลูกชายคนเล็กน้องพูมอายุได้ 1.9 ปีค่ะ ถึงตอนนี้เราเริ่มสอนกันมาได้เป็นเดือนที่เจ็ดแล้ว ลูกทั้งสองคน ก็มีแววกลายเป็นเด็กสองภาษากับเค้าบ้างแล้ว จริงๆแล้วถ้าย้อนไปตั้งแต่ตอนเริ่มต้น เราเริ่มกันแบบไม่ได้มีระบบมากนัก ไม่ได้มีการวางแบบแผนการสอนว่าต้องเริ่มขั้นไหน ต่อด้วยขั้นไหน เมื่อไร เราเริ่มกันแบบเรื่อยๆเพราะแม่เป็นสอนเอง เรามีเรื่องที่ต้องพูดจากันทั้งวัน ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องง่ายๆรอบๆตัว จนถึงเรื่องยากๆ ที่เป็นนามธรรม สำหรับน้องพริมเมื่อเราผ่านด่านการหาแรงบันดาลใจได้ เราก็เริ่มกันเลย (ล่ะนะ)
เดือนแรก เดือนแห่งความสับสน กดดัน ผ่านพ้นไปด้วยความยากลำบาก
น้องพริมดู งงๆ เพราะการฟังภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันนั้นก็ค่อนข้างใหม่สำหรับเค้า ถึงแม้ว่า จะเรียนกับครูฝรั่งในบางวิชา แต่นั่นหมายถึงเฉพาะในห้องเรียนและเป็นการเรียนในตำรา พริมในเดือนแรกไม่พูดเลย ฟัง อย่างเดียว แต่พริมสามารถฟังเข้าใจได้มากกว่าที่แม่คิด คือ สามารถทำตามคำสั่งได้ และ เข้าใจ แต่ตอบเป็นไทยนั่นเอง
น้องพูม งงงๆๆๆๆๆๆๆ กว่าพริมอีก มองแม่แล้วไม่หือ ไม่อือ เหมือนสมอง งงๆๆ ว่าแม่พูดอะไร ยากที่จะเข้าใจและ สื่อสารไม่ได้เลย คำศัพท์ที่ใช้ เป็นเรื่องชีวิตประจำวันซะส่วนใหญ่ เพราะ แม่เลี้ยงเอง สอนเอง ก็เป็นแนวๆๆ คำศัพท์ง่ายๆรอบๆตัวที่ใช้กันทั้งวันนั่นเอง
เดือนที่ 2 เดือน แห่งการปรับตัว
ลูกๆ เริ่มชินว่า แม่มีภาษาแปลกๆ ไปมาสื่อสารกะเค้านะ พ่อยังพูดเหมือนเดิม
น้องพริม เริ่มทำตามคำสั่งได้ ฟังเข้าใจในประโยคคำถาม และ ตอบได้บ้างสำหรับประโยคง่ายๆจะเป็นแนวการตอบคำถามซะมากกว่า เช่น
Get dress, eat quickly, go to bed, prepare your uniform for tomorrow, prepare your backpack with milk and water. / I’m hungry, I’m thirsty. I’m sleepy.
What are you doing? — I’m eating , I’m playing , I’m singing ,
Do you want me to tell you stories? — Yes, I want you to tell me stories. ทวนคำถามแม่นั่นเอง
น้องพูม เริ่มฟังเข้าใจกับคำสั่งง่ายๆ ได้ เช่น Lie down / squat down / close your eyes/ open you mouth/ tidy up/ pick it up / put shoes on/ brush your teeth/ take a pee / poo / smile / Turn around / clap your hands / say see you and wave bye bye and blow your kiss etc.
ชี้บอกส่วนต่างๆของร่างกายได้ และเริ่มเข้าใจคำถามปิด Yes / No
Do you want to eat egg? No. / Do you want to take a pee ? Yes / Do you want to go with me? Yes.
เดือนที่ 3 เริ่มปรับตัวได้บ้าง แต่ความกดดันยังคงอยู่ แต่ลูกๆจะเริ่มเคยชินกับการสื่อสารกับแม่เป็นภาษาอังกฤษ และพ่อเป็นภาษาไทย แต่ น้องพูมยังปรับโหมดไม่ได้เท่าไหร่นัก
น้องพริม เริ่ม พูดประโยคยาวๆได้ เริ่ม ตั้งคำถามได้ เริ่ม บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ ตอบโต้ได้ และเริ่มต้นพูดเองได้บ้าง ผิดบ้างถูกบ้าง แต่จำได้ ถ้าได้พูดซัก 2-3 ครั้ง
Can I go downstairs to play? / Can I have a drink pls? / Do you love me ? / I want this / that?
Mommy, Nong Poom spit out. / Poom you’re naughty boy. / I’m not sleepy.
ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้มากขึ้น รวมทั้งเพลงที่ฟังจากการ์ตูนด้วย
It’s small your size. อันนี้จำมาจากการ์ตูน
น้องพูม เข้าใจในคำถามเปิดได้บ้างเล็กน้อย
บางครั้งตอบได้เป็นคำๆ What do you want to eat ? yoghurt, chicken, pork, juice, water
ในตอนต้นๆของเดือน Where is an airplane? ชี้ตอบ / Where is your shoes ? ชี้ตอบ
แต่ในท้ายๆของเดือน สามารถตอบได้ ว่า Over there , here. จะเห็นได้ว่าบางเรื่องใช้เวลาสอนเป็นเดือนเลย
Where are you going? Office.
เดือนนี้มีความรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจกับการใช้ ระบบ OPOL เกิดขึ้นด้วยคือ ไม่กล้าสอนภาษาไทยลูก ไม่กล้าร้องเพลงไทยให้ลูกฟัง เพราะกลัวเค้าจะสับสนกับระบบ OPOL นั่นเอง แต่คำแนะนำจากเพื่อนๆในเว้ปทำให้ผ่านพ้นความสับสนนี้ไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เดือนที่ 4-5 เราจะเริ่มกันใหม่แบบสบายๆดีกว่า
น้องพริม เริ่มต้นพูดเองได้ อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ 100% แต่ปัญหาคือ เวลาที่ พริมอยากเล่าอะไร หรือ อยากถามอะไร ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน พริมจะต้องถามเป็นภาษาไทยก่อน เพื่อแปลสิ่งที่ต้องการพูดให้เป็นภาษาอังกฤษซะก่อน ทำให้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการแปลได้ แต่พอได้ยินซัก 1-2 ครั้ง ก็สามารถจำได้ และครั้งต่อๆ ไปสามารถนำมาใช้ตามสถานการณ์เองได้ ซึ่งอันนี้ผิดกฏในหนังสืออย่างแรง
น้องพริมเริ่มจำประโยคมาใช้เองเช่น : It’s small your size น้องพริมพูดตอนหยิบกางเกงมาใส่ให้น้อง
น้องพูม เริ่มเข้าใจคำถามเปิดได้มากขึ้น และสามารถนำคำศัพท์ที่สะสมไว้ ออกมาใช้ได้บ้างตามโอกาส
Mommy sleep แล้วทำท่านอนหลับตา คือ บอกให้แม่นอน
Mommy wound คือ ชี้ไปที่แผลเพื่อจะบอกว่าแม่มีแผล และสามารถ kiss the pain away ได้เลย
Mommy no moon/ Mommy no star แล้วชี้เวลามองท้องฟ้าแล้วหาไม่เจอ
wash hand / Open pls / Water pls / Sorry with hands (ยกมือไหว้ และพูดว่า sorry) / Lizard go away
Hold on tight และในเวลาอารมณ์ดีๆ ก็สามารถนับเลข 1-10 ได้แบบว่าห้ามบังคับ ไม่งั้นไม่ยอมทำให้ดูหรอก
เดือนที่ 6 กับรอยต่อ และพัฒนาการ
เดือนนี้ จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางพัฒนาการได้ดังนี้ค่ะ
น้องพริมเริ่มพูดได้คล่องมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นประโยคเองได้ และเคยชินกับการพูด และการเล่าเรื่องเอง ต้องการกระตุ้นเตือนน้อยลง บางครั้งสามารถกระตุ้นแม่ได้ด้วย น้องพริมเคยพูดว่า “Why you don’t speak English to me Mommy” , “I will speak English to you when you speak English to me. I will speak Thai to you when you speak Thai to me.” ทำให้แม่ต้องกลับมามองย้อนตัวเองว่า เอ๊ะเราหย่อนเกินไปหรือยังไงกัน เป็นที่ตัวเราเองหรือ ที่ยังติดพูดไทยอยู่ ก็แหมบางครั้งมันเหนื่อยนี่นา อารมณ์ อยากพักสมองบ้างอะ แต่ลูกเหมือนเป็นช่วงนี้เครื่องกำลังติดและกำลังสนุก กับการได้รับคำชมด้วย ทำให้สนุกกับการหัดพูด ซึ่งแม่เองก็ต้องปรับตัวอยู่เรื่อยๆไม่ใช่แค่ลูกๆเท่านั้นที่ต้องปรับตัว
พัฒนาการก็เป็นแบบนี้ค่ะน้องพริมยังคงพูดผิดแกรมม่า ซึ่งแม่ก็จะแก้ให้ ส่วนใหญ่พอพริมได้รับการแก้ ก็จะพูดตามอัตโนมัติ และทำให้จำได้ บางเรื่องแก้ 2-3 ครั้งก็ ใช้ได้เลย แต่บางเรื่องก็ยังต้องแก้หลายครั้งอยู่กว่าจะใช้ถูกต้อง พริมช่วยพูดกับน้องได้มาก รวมถึงบ่นน้องเป็นภาษาอังกฤษด้วย เคยได้ยินประมาณนี้ค่ะ
- You shouldn’t do like that Poom. / You‘re naughty boy. / Don’t spit out , if you do it again I will tell mommy to hit you.
น้องพูม ก็เริ่มเข้ารอยต่อของวลี ที่ปรับให้เป็นประโยคมากขึ้น เริ่มสื่อสารกลับเป็นเรื่องๆที่เค้าเห็น เช่น
- Poom sleeping now. / Poom sick.
- Mommy what is it?
- Daddy home. พูดเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู
- Poom tummyache.
- What is daddy doing now? จะตอบกลับมาว่า Daddy sleeping now. Or take a bath.
- Do you see lizard? จะตอบว่า No lizard, lizard sleeping now.
- Do you see doggy? จะตอบว่า Overthere.
- What is doggy doing? จะตอบว่า Doggy eat bone. Or Doggy sleeping now.
- Mommy’s shoes broken, P’Prim ‘s shoes broken too.
- May I have drink pls?
- Mommy, pick me up pls.
- Poom, do myself เวลาต้องการทำอะไรเอง
- Where are we going now? จะตอบกลับมาว่า Pick up daddy / Pick up p’ Prim.
ส่วนประโยคเด็ดเวลาต้องการอ้อนแม่ก็คือ Mommy, I love you so much. ฟังแล้วก็ชื่นใจจริงๆ
ปัจจุบันนี้ พริมสามารถเริ่มต้นพูดเองได้ โดยอัตโนมัติอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเค้าจะพูดกับแม่ และบางทีพาลไปเริ่มต้นพูดกับพ่อด้วยเพราะเค้าก็รับรู้ว่า พ่อก็สามารถสื่อสารกับเค้าได้เช่นกัน เล่าเรื่องยาวๆได้แล้ว เวลากลับจากโรงเรียน เล่นบทบาทสมมติได้คล่องขึ้น สอนน้องได้ บ่นน้องได้ ฟังและเลียนแบบประโยคต่างๆจาก DVD ได้มากขึ้น
สำหรับพูม ตอนนี้ตื่นมาเวลาร้องหาแม่ก็สามารถตะโกนได้ว่า Mommy, Where are you ?????
เมื่อก่อนเวลาจะตะโกนบอกอะไรพูมยังคิดว่าต้องตะโกนเป็นภาษาไทยเพราะว่าใช้การตะโกนกลัวลูกฟังไม่รู้เรื่อง แต่เด๋วนี้สังเกตได้ว่าสามารถตะโกนบอกเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว เพราะเวลาตะโกนไปบอกว่า Don’t turn on the faucet to high. จะได้ยินพูมตะโกนกลับมาบอกว่า OK, Mommy….. แล้วก็หรี่น้ำไปด้วยพร้อมกัน
ระหว่างทางเกือบเจ็ดเดือนที่เดินกันมา เหนื่อยบ้างท้อบ้างเกือบเลิกล้มไปก็หลายครั้ง แต่มันมักจะมาสลับกับความชื่นอกชื่นใจเป็นระยะ ตามพัฒนาการของลูกๆ บางครั้งก็รู้สึกว่าเราหย่อนไปบ้าง ก็กลับมาขึงให้ตึงขึ้นซักหน่อย กลับกันบางทีเราก็ตึงไปโดยไม่รู้ตัวทำให้สอนแล้วไม่สนุกเอาซะเลย ก็ต้องมาคอยเก็บเกี่ยวกำลังใจจากแนวร่วมจากเพื่อนบ้านในเว้ปที่ทำให้มีแรงเดินหน้าต่อไปได้ สำหรับครอบครัวของเราก็ยังต้องเดินทางกันอีกไกล ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ มาถึงจุดนี้รู้สึกดีใจที่เจ็ดเดือนที่แล้วได้เริ่มสิ่งดีๆอีกสิ่งหนึ่งให้กับลูกๆ
มองดูลูกๆคนอื่นที่เค้าเก่งกว่า ก็อยากให้ลูกเราเก่งตามเหมือนเค้าซักวัน และก็อยากร่วมเป็นกำลังใจให้ครอบครัวอีกหลายๆครอบครัวที่เพิ่งเริ่มต้น หรือ ที่กำลังท้อใจ ว่าค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆสนุกๆ แล้วเมื่อมาถึงจุดนึงจะได้มาร่วมภูมิใจเหมือนๆกันว่าลูกเราก็ทำได้
ปล.เขียนยาวมาก ส่วนนึงเพราะอยากเก็บไว้เป็นบันทึกพัฒนาการของลูกๆ แถมมีลูกสองคนอีกเลยยาวกว่าคนอื่นๆเค้าเป็นสองเท่า นั่นเองค่ะ