เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน

Posted by Tao’s mamy รักในหลวง on August 4, 2010 at 11:00am

ความคิดของคนไทยทั่วๆไป (รวมถึงตัวเองด้วย)
ที่วนเวียนอยู่กับความคิดที่ว่า ต้องเข้าเรียนตามสถาบันสอนภาษา ต้องไปเรียนภาษาหรือเรียนต่อที่เมืองนอก ถึงจะพูดอังกฤษได้

….เมื่อไรเราจะเปลี่ยนความคิดเช่นนี้ได้สักที….

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
น้องสาวคนเล็กเพิ่งเรียนจบป.ตรี จากประเทศจีน มาหมาดๆ แต่เธอไม่เก่งภาษาอังกฤษ
ถึงขั้นพูดไม่ออก เขียนไม่ถูกประมาณนั้น ขณะที่เธอยังไม่รู้เลยว่าชีวิตของเธอจะเิิดินไปทางไหน
แต่อันดับแรกที่เธอตัดสินใจ
คือ เธอต้องไปเรียนภาษาอังกฤษก่อน เพราะลำพังภาษาจีนคงไม่ช่วยให้หางานทำได้ง่ายๆ
แล้วการที่จะเก่งอังกฤษได้นั้น วิธีเดียวที่จะช่วยได้
คือ การเข้าไปเรียนที่สถาบันสอนภาษา หรือการไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศเท่านั้น

ในฐานะที่เป็นพี่สาว คิดว่าคงเปลี่ยนความคิดน้องตัวเองได้ง่ายๆ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
เธอคิดยังงี้….เพราะน้องเรียนต่อที่จีน ก็เลยพูดจีนได้
เพราะงั้น ถ้าจะพูดอังกฤษได้ ก็ต้องไปเรียนเมืองนอกสิ….ป้าดดด… หนึ่งดอก

ก็เลยยกตัวอย่างตัวเอง ที่พัฒนาภาษาอังกฤษได้ จากแนวคิดเด็กสองภาษา
เริ่มต้นด้วยคำง่ายๆ แบบที่พูดกับเด็กๆ ฝึกฝนด้วยตัวเอง พูดอยู่คนเดียว พูดไปพูดมา ทำไปทำมา….
…..ผ่านไป 1 ปี ตอนนี้ลูกยังพูดได้เป็นคำๆ (1 ขวบ 8 เดือน) แต่ตัวแม่กลับพูดได้เยอะขึ้น คล่องขึ้น
บางประโยคสามัญ ก็ไม่ต้องผ่านกระบวนการแปลจากไทยซ้ำ ….
….. ผลลัพธ์ที่ได้ แม้สำเนียงไม่ฝรั่งจ๊ะจ๋า มีกระอึ๊กกระอั๊ก ยึกๆยักๆ แต่ก็ถือว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
….. ที่สำคัญ ไม่ต้องเสียตังค์!
(อ้อ.. เสียตังค์ค่าหนังสือกับค่าเน็ตค่ะ ^_^)

คุณน้องได้แต่ยิ้ม แล้วตอบกลับมาว่า “ก็พี่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว” ป้าดดดด…อีกหนึ่งดอก ..ให้มันได้อย่างนี้สิ(ฟระ)
พอเห็นคนที่พูดได้ ก็เหมารวมไปว่าเก่งอยู่แล้ว ไม่ได้มองลึกลงไปเลยว่า ทุกคนที่เก่งต้องผ่านกระบวนการฝึกฝนมาก่อนทั้งนั้น
…เฮ้อ… หน่ายใจ

…. แต่พอนึกย้อนกลับไป …..เออ….ก็จริงของมัน
ก่อนที่จะเจอหนังสือเด็กสองภาษา ก็คิดแบบเดียวกันเป๊ะเลย แล้วก็เป็นปมด้อยลึกๆอยู่ข้างในตัวเองมาตลอด

แต่พอได้เจอหนังสือเล่มนี้ ก็คิดแค่ว่าอยากให้ลูกพูดอังกฤษได้ จะให้ทำยังไง บอกมา (สี)ทำได้…
ให้เข้าห้องอิงเหรอ…ได้
ให้ดูดีวีดีเทพเหรอ…ได้
ให้พูดเยอะๆเหรอ…ได้
พูดผิดได้เหรอ…ได้
….จะว่าไป ก็เหมือนเราเป็นตัวกลางที่จะส่งผ่านภาษาอังกฤษ ไปยังลูก
มันเป็นวิธีการฝึกภาษาที่แนบเนียนมาก เหมือนเรียนโดยไม่ต้องเรียน ฝึกโดยไม่ได้ถูกบังคับ
แต่เป็นความกลัว … กลัวว่าพอลูกโต ลูกจะจำแบบอย่างที่ผิดไปพูด ฮา…
ตัวแม่จึงคิดแค่เพียงว่า ทำไงก็ได้ให้เราเก่งขึ้นๆ

สรุปว่ายังไงดีหนอ พิมพ์มาซะยาว … สงสารคนเข้ามาอ่านจัง

ก็สรุปว่า ลองเปลี่ยนความคิดตัวเองดู ลองตั้งต้นฝึกภาษาอังกฤษตามแนวคิดเด็กสองภาษาดู
โดยโยนทิ้งภาพเก่าๆออกให้หมด เปิดใจ รับฟัง ไม่มีข้อแม้
แล้วที่ำสำคัญคือ ต้องทุ่มเทเวลาให้มากๆ จะกิน จะนอน จะยืน จะเดิน ก็คิดถึงแต่ภาษาอังกฤษ
(ทำสภาพแวดล้อมให้เหมือนอยู่เมืองนอกไปซะ)
แล้วจะรู้ว่า เมื่อเปลี่ยนความคิด ชีิวิตก็เปลี่ยน (จริงๆนะเออ…)

แล้วสำหรับคุณน้องสาว
เราจะบอกมันยังไงดี….เอาหนังสือเด็กสองภาษาให้มันอ่าน มันจะอ่านเหรอ…..หรือว่าต้องรอให้มันมีลูกก่อน….. ฮ่าฮ่าฮ่า

===============================================================================

12 ก.พ. 54 อัพเดทค่ะ

อีก 2 วัน คุณน้องสาวสุดที่รักก็จะบินไปเรียนภาษาที่อเมริกาแล้วค่ะ ….อืมม ในที่สุดก็ไปจนได้

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่เรายังไม่เจอหนังสือเด็กสองภาษา เราคงได้แต่อิจฉาน้อง จนตาร้อนผ่าวๆแล้วแหละ คงแอบน้อยใจ เออเนอะ สมัยเรามันไม่มีโอกาสยังงี้นี่นา ….

แต่ตอนนี้ ในฐานะพี่สาว(ผู้แสนดี) ก็ได้แต่สนับสนุนและให้กำลังใจน้อง ถึงอย่างไรก็ได้เปิดโลกทัศน์ ได้ประสบการณ์ชีวิตที่คุ้มค่ากลับมา

…. และก็จะรอดู อีก 2 ปีต่อมา ว่าน้าสาวที่มาจากเมืองนอก กับหลานชายสองภาษาภูธร จะคุยภาษาอังกฤษกันมันส์ขนาดไหน 555+

================================================================================