คำถามข้อนี้นับว่าเป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิต และในเวลาเดียวกันก็เป็น “ข้ออ้าง” ยอดฮิตในการบอกปัดไม่สอนลูก ผมมีข่าวดีสองข้อสำหรับพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาและไม่เก่งอังกฤษครับ ข่าวดีข้อที่หนึ่งก็คือ..พ่อแม่ส่วนใหญ่ที่สอนลูกเป็นเด็กสองภาษา..เป็นพ่อแม่ที่ไม่เก่งอังกฤษครับ และข่าวดีข้อที่สอง อย่าว่าไม่เก่งอังกฤษเลย ต่อให้ภาษาอังกฤษเป็นศูนย์เลยก็สอนได้ ทำไมถึงสอนได้?..เหตุผลไม่ซับซ้อนครับ หนึ่ง..มนุษย์เรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ ดังนั้นอย่าไปปิดกั้นตัวเองและโอกาสที่ดีของลูกด้วยเหตุผลว่าไม่เก่งอังกฤษ คุณสามารถที่จะ “เริ่มต้นเรียนรู้พร้อมลูกได้ เรียนเสร็จแล้วก็สอนเลย” และสิ่งนี้ก็ถูกต้องตามแนวคิดเด็กสองภาษา เหตุผลข้อที่สอง..การเริ่มสอนจะต้องทำความเข้าใจแนวคิดเด็กสองภาษาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งหนึ่งในหลัก 9 ข้อ ก็คือเรื่อง “พื้นที่ปลอดภัย” พ่อแม่ที่รู้ตัวว่าตัวเองอ่อนภาษาอังกฤษจะต้องเริ่มจากพื้นที่การสอนที่น้อยที่สุดก่อนที่ตัวเองรู้สึกปลอดภัย สอนให้ถูกหลัก ออกเสียงให้เคลียร์ตามพื้นที่ปลอดภัย แล้วค่อยๆพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ เพียงเท่านี้ก็เข้าสู่เส้นทางสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาได้แล้วครับ หมอสั่งห้ามไม่ให้เด็กดูทีวี เพราะจะทำให้สมาธิสั้น เราควรให้เด็กดูได้ตอนอายุเท่าไหร่ดี?ทีวีเป็นสื่อที่เน้นการสื่อสารทางเดียว ผมเห็นด้วยกับหมอ ถ้าพ่อแม่เอาทีวีตั้งแล้วปล่อยให้เด็กนั่งดูอยู่คนเดียวนานๆ เด็กจะติดทีวีมากไปและอาจจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับวัย ผมอยากจะเสนออย่างนี้ครับ.. ให้ใช้ทีวีเป็นเครื่องมือเสริมในการสอนภาษาที่สองให้กับลูก เราไม่ควรปล่อยให้เด็กดูฟรีทีวี ถ้าจะให้ดูควรจะดูผ่านเครื่องเล่นดีวีดี เพราะเราสามารถเลือกสื่อที่เหมาะกับเด็กได้ และควรจะนั่งอยู่กับเขา คุยกับเขาด้วย เพื่อให้กระตุ้นให้เกิดการโต้ตอบ และไม่ควรจะนั่งดูนานเกินไปในแต่ละวันครับ สำหรับสื่อดีวีดีนั้น ควรจะเป็นสื่อที่สอดคล้องกับแนวคิดเด็กสองภาษา เป็นการ์ตูนหรืออนิเมชัน ไม่มีการแปล ภาพไม่เร็วจนเกินไป เสียงชัด ช้าและวนมาซ้ำบ่อยๆ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กเลียนแบบเสียง ตัวอย่างสื่อที่แนะนำ เช่น Baby Einstein, Caillou, […]