น้องนภ

ครอบครัวของเราโชคดีมากค่ะที่บังเอิญได้รู้จักแนวคิดการสร้างลูกเป็นเด็ก 2 ภาษาของคุณบิ๊กตั้งแต่คุณแม่ท้องน้องนภอยู่ และรู้สึกว่าแนวคิดนี้น่าสนใจมาก เลยลองซื้อหนังสือมาอ่าน และลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนตั้งแต่ลูกเกิดเลย แนวคิดนี้โดนใจตรงที่ แม้ว่าพ่อแม่จะไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่สามารถสอนลูกให้เป็นเด็กสองภาษาได้

โดยเราสามารถเรียนรู้ไปพร้อมๆกับลูก เริ่มกำหนดพื้นที่ปลอดภัยในการสอนก่อนเอาเท่าที่เรามั่นใจ และค่อยๆขยายวงออกไป เน้นความถี่เพื่อให้ลูกจดจำ คอยขัดเกลาและเป็นต้นแบบที่ถูกต้องให้ลูกและที่สำคัญคือสอนแบบไม่ต้องแปล ซึ่งอันนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการจะทำให้เด็กพูดออกมาได้จากความรู้สึกจริงๆ

จนถึงวันนี้น้องนภอายุ 4 ขวบแล้ว น้องสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ บอกความต้องการของตัวเอง เล่นพากย์หุ่น เล่านิทานโดยใช้ประโยคง่ายๆที่แต่งเองได้ครอบครัวของเราจึงรู้สึกขอบคุณแนวคิดดีๆของคุณบิ๊กมาโดยตลอดค่ะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแนวคิดดีๆแบบนี้จะถูกนำไปเผยแพร่อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆและประเทศของเราต่อไปค่ะ

ความในใจแม่ตาล

แม่ตาลมีตั้งใจจะสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาตั้งแต่น้องนภอยู่ในท้อง และได้มีโอกาสอ่านหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ หลังจากนั้นก็ได้เริ่มสอนลูกตามแนวคิดจนน้องกลายเป็นเด็กสองภาษา แต่ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะน้องเป็นเด็กพูดช้ามาก แม่ตาลพาไปหาหมอ หมอก็แนะนำให้พูดภาษาเดียว ไม่ใช่สองภาษา ซึ่งแม่ตาลก็คิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวกัน เด็กพูดช้าก็คือพูดช้า ถึงจะเป็นภาษาเดียวก็ตาม ท้ายสุดก็เลยกลับมาสอนสองภาษาตามเดิม วันเวลาผ่านไปน้องก็เริ่มพูดและพูดได้ทั้งสองภาษาในที่สุด

ปี 2016 ผมมีโอกาสได้ไปจัดเวิร์กช็อปเด็กสองภาษาที่อุดรธานี แม่ตาลซึ่งอยู่จังหวัดหนองคายก็ไปเข้าร่วมอบรมด้วย ซึ่งจริงๆแล้วแม่ตาลไม่จำเป็นต้องมาเข้าเวิร์กช็อปก็ได้ เพราะลูกเป็นเด็กสองภาษาแล้ว แต่ก็มา และได้เผยความในใจถึงการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาออกมา ผมอยากให้ทุกคนฟังคลิปด้านล่างนี้ครับ



นายชานน เหล่าไพบูลย์
นางสาววริศรา ธิติศักดิ์
ชื่อน้อง ด.ช.นภ เหล่าไพบูลย์ (น้องนภ) 4.6 ปี
จังหวัดที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน หนองคาย


เคยเห็นพ่อแม่คนไทย พูดภาษาอังกฤษกับลูกมั้ย คุณรู้สึกอย่างไร
เคยเห็นบ้างค่ะ รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะทุกวันนี้ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตทั้งในแง่ของการทำงาน ตลอดจนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากมาย ที่เราจำเป็นต้องรู้

รู้จักแนวคิดเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ได้อย่างไร แล้วทำไมถึงสนใจแนวคิดนี้ เมื่อทำแล้วรู้สึกอย่างไรกับแนวคิดนี้
เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว จากรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งที่คุณบิ๊กไปให้สัมภาษณ์ พอได้ฟังแล้วรู้สึกสนใจหลักเหตุผลของคุณบิ๊กที่ว่า “การสอนภาษาที่สอง ให้ลูก เราควรจะสอนโดยใช้หลักการเดียวกันกับการสอนภาษาแม่ คือ สอนเรื่องการฟังและพูดก่อน ไม่ใช่สอนอ่านเขียนก่อนเหมือนในระบบโรงเรียนที่เราเรียนมาเป็นสิบปี แต่ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารกับฝรั่งได้ ”

จากนั้นจึงไปซื้อหนังสือเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้มาอ่านทำความเข้าใจ และเริ่มปฏิบัติตามแนวคิดตั้งแต่น้องเกิดเลย รู้สึกว่าแนวคิดนี้สมเหตุสมผลมากๆ เพราะเราเห็นได้จากการที่ลูกมีพัฒนาการ เรียนรู้ จดจำภาษาอังกฤษ เหมือนกับที่เราเรียนรู้ภาษาไทยจากพ่อแม่ของเราเลย

ระบบที่ใช้ฝึก (หนึ่งคนหนึ่งภาษาหรือหนึ่งเวลาหนึ่งภาษา) แล้วทำไมถึงเลือกใช้ระบบนี้
ใช้ระบบหนึ่งคนหนึ่งภาษาค่ะ คุณแม่พูดอังกฤษ คุณพ่อพูดไทย ด้วยความที่คุณแม่เป็นแม่บ้านมีเวลาอยู่กับลูกทั้งวัน เลยคิดว่าระบบนี้จะทำให้น้องมีเวลาคลุกคลีกับภาษาอังกฤษมากที่สุด และแยกโหมดได้ง่ายค่ะ


เริ่มต้นอย่างไร เจออุปสรรคอะไรบ้าง และแก้ปัญหาอย่างไร
เริ่มต้นตั้งแต่ตอนน้องเกิดเลยค่ะ คือ คุณแม่จะทำหน้าที่เป็น”คุณแม่นักพากย์” คือพูดคุยกับน้องเวลาทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ และร้องเพลง อ่านนิทาน ให้ฟังในช่วงเวลาว่าง

อุปสรรคที่เคยเจอ คือ ช่วงน้องนภอายุ 1 ขวบครึ่ง น้องยังไม่ค่อยพูด เราเลยพาลูกไปตรวจที่ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน พยาบาลบอกว่า สาเหตุที่น้องยังไม่ค่อยพูดอาจเป็นเพราะคุณแม่พูดภาษาอังกฤษกับน้อง แล้วน้องอาจจะสับสนทำให้พูดช้า ขอให้คุณแม่พูดไทยกับน้องก่อนในช่วงนี้ (ตอนนั้นรู้สึกค้านในใจว่า ลูกเราจะสับสนได้ยังไง ในเมื่อเค้าทำตามคำสั่งแม่ได้ทุกอย่าง)

แต่พยาบาลให้เหตุผลว่า ถ้าน้องยังสื่อสารภาษาไทยไม่ได้จะมีปัญหาช่วงเข้าโรงเรียน ตอนนั้นคุณแม่ก็เลยเปลี่ยนมาพูดภาษาไทยกับน้องนภอยู่ประมาณ 2 เดือน พอน้องเริ่มพูดได้เพิ่มขึ้น เราเห็นว่าไม่น่าห่วงแล้ว จึงกลับมาพูดภาษาอังกฤษเหมือนเดิม โชคดีที่น้องไม่มีการต่อต้าน และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

ระยะเวลาสอนจนเด็กเริ่มพูดโต้กลับเป็นภาษาอังกฤษใช้เวลานานแค่ไหน (อยู่ในโหมด) และเสี้ยวเวลาที่ลูกพูดตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษรู้สึกอย่างไร
น้องเริ่มพูดโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษตอนอายุประมาณ 1 ปี 7 เดือน ช่วงเวลาที่ลูกสามารถพูดตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษได้รู้สึกภูมิใจมากค่ะ เพราะนั่นคือผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาจากสิ่งที่เราได้ทุ่มเททำมาโดยตลอด

ระดับภาษาอังกฤษของพ่อแม่ตอนเริ่มสอนเป็นอย่างไร มีความมั่นใจแค่ไหนในการสอนลูก
ระดับภาษาอังกฤษของแม่ ค่อนข้างอ่อนในเรื่องการพูดและฟัง ส่วนการอ่านเขียนและไวยากรณ์อยู่ในระดับปานกลาง นับตั้งแต่วันที่เริ่มสอนลูกก็ทำอย่างเต็มที่ทุ่มเทที่สุด พอมาถึงวันนี้รู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ได้เกินคาดมากๆค่ะ

ประสบการณ์ที่เจอเจ้าของภาษาเป็นอย่างไร
เคยให้คุณครูฝรั่ง(ชาวแอฟริกัน)มาเล่นกับน้องนภที่บ้านสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง คุณครูถามว่า “น้องนภไปเรียนภาษาอังกฤษมาจากที่ไหน เพราะสำเนียงน้องเหมือนเด็กอเมริกัน และพูดคุยได้คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติมาก”
และเวลาที่น้องนภเจอชาวต่างหรือคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ น้องนภจะสนใจและอยากเข้าไปคุยด้วยแบบไม่มีเคอะเขินเลย

เสียงตอบรับในการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาของคนรอบข้าง ตั้งแต่ครอบครัว เพื่อนฝูงไปจนถึงสังคมภายนอก
ทุกคนในครอบครัวให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะคุณพ่อน้องนภที่คอยให้กำลังใจคุณแม่เสมอมา และวันนี้ครอบครัวของเราก็ได้เห็นแล้วว่า การสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษาตามแนวคิดนี้ทำได้จริง

สำหรับเพื่อนๆ มีหลายคนเข้ามาชื่นชมและขอคำแนะนำในการสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษา
และหลายๆครั้งเวลาที่ออกไปข้างนอก จะมีคนเข้ามาถามว่า น้อง(นภ)เป็นคนไทยรึเปล่า เป็นลูกครึ่งรึเปล่า เรียนโรงเรียนอินเตอร์ใช่มั้ย ทำไมพูดภาษาอังกฤษเก่งจัง เราก็ตอบไปแบบภูมิใจว่า “น้องคนไทย เรียนโรงเรียนไทยค่ะ”

รู้สึกท้อมั้ย อะไรคือสิ่งหล่อเลี้ยงที่ทำให้ไม่หยุดสอน และเดินหน้าต่อจนลูกเป็นเด็กสองภาษา
เคยเครียดและเหนื่อยบ้างเหมือนกัน แต่ไม่เคยคิดจะหยุดสอนลูก เพราะเราอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก และโชคดีที่ได้กำลังใจจากคนในครอบครัวค่ะ

นอกจากอ่านหนังสือเด็กสองภาษาแล้ว เคยเข้าเวิร์กช็อปหรือเปล่า หลังจากเข้าแล้วรู้สึกอย่างไร
เคยเข้าฟังทั้งเวิร์คช็อปโฟนิกส์และเด็กสองภาษา ซึ่งมีประโยชน์มากๆทั้งคู่ สำหรับเวิร์คช็อปโฟนิกส์ จะช่วยให้เราออกเสียงได้ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นมากเพราะการสอนลูก เราจะต้องเป็นต้นแบบที่ดีด้วย ส่วนเวิร์คช็อปเด็กสองภาษาเหมาะสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษา และเหมาะกับคนที่กำลังท้อหรือมีอุปสรรคในระหว่างการสอนลูก เพราะเวิร์คช็อปนี้จะช่วยให้เราเข้าใจถึงหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง และเรายังจะได้กำลังใจจากเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์เดียวกันอีกด้วย

คำแนะนำให้กับพ่อแม่ที่กำลังคิดสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา
ไม่ว่าเราจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับไหนก็ตาม ขอเพียงแค่เรามีความมุ่งมั่น ด้วยความรักความหวังดีที่พ่อแม่มีให้กับลูก เชื่อว่าทุกๆคนสามารถสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษาได้ค่ะ